วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Review วิบากเล็ก Kawasaki KLX125 2010ขาลุยตัวเล็ก














































ก่อนหน้าเห็นมีคนรีวิวคร่าว ๆ ของ kawasaki dtracker 125 และ klx125 ไปแล้วบ้าง วันนี้ผมขอรีวิวในส่วน klx125 เจ้าวิบากตัวเล็กกัน

ความแตกต่างหลัก ๆ ถ้าเรามองดูภายนอกจะเห็นส่วนที่ต่างกันคือ
1. กระจกมองข้างกลม (klx) และเหลี่ยม (dtx)
2. ล้อวิบาก (klx) และทางเรียบ (dtx)
3. shock up หน้า ธรรมดา (klx) และ หัวกลับ (dtx)
4. dtx แพงกว่า 4000 บาท
5. สเตอร์หลัง 44 ฟัน dtx, 47 ฟัน klx

ส่วนที่ต่างกันที่มองไม่ค่อยออกกันคือ ระยะฐานล้อ และ มุมของเฟรมต่างกัน 1.2 องศา และระยะยุบของ shock up ของ klx มากกว่า 1.5 cm ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุม และบังคับรถ

คันในรูปที่จะนำมารีวิว เปลี่ยนอุปกรณ์ไป 3 อย่าง
1. ปลอกแฮนด์
2. เพิ่มตะแกรงหลัง
3. กระจกมองข้าง ใส่ของ dtx250 แทน









ความรู้สึกในการขับขี่ บนถนนซึ่งมีความขรุขระ หรือมีเนินกั้น ก็สามารถวิ่งผ่านไปได้แบบง่าย ๆ หรือมีฟุตบาทก็ปีนขึ้นได้
ด้วยความที่ ตัวรถ klx125 จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะใหญ่ก็ไม่ใหญ่ คนที่ความสูงไม่มาก ก็สามารถที่บังคับมันได้

สิ่งที่ต้องชมคือ ระบบครัช และระบบส่งกำลัง
หลายท่านคงจำครั้งแรกเวลาเราฝึกหัดรถมีครัชมือมาก่อน ผมก็เช่นกัน ฝึกออกตัว รถดับแล้ว ดับอีก กว่าจะฝึกให้ใช้ครัชได้คล่องรถมอไซด์เครื่องไม่ดับไปซะก่อนก็ใช้เวลาพอควร
แต่
รถคันนี้ ระบบครัชมันเข้าง่าย ๆ หาเกียร์ว่างง่าย เบาแรง ซึ่งทำให้เพื่อนผมซึ่งขี่ ksr และไม่เคยขี่รถมีครัชมาก่อนในชีวิต สามารถคล่อมรถคันนี้ แล้วสามารถเปลี่ยนเกียร์ กดครัช วิ่งออกไปได้ แบบไม่มีการดับ ด้วยความที่ย่านการตัดต่อกำลังกว้าง กำลังต้น ๆ ไม่ดีดดิ้น ทำให้รู้สึกว่ามันเชื่องจริง ๆ

ส่วนเรื่องกำลังเครื่องยนต์ สำหรับ klx125 ที่ให้สเตอร์หลังมา 47 มีประโยชน์มาก ทำให้มันกระฉับกระเฉงดีเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็น dtx125 เท่าที่เคยลองต้นมันไม่ดีเลย ต้องรอรอบสักแป๊บ สงสัยเป็นที่สเตอร์ 44 ของมันด้วย
แต่ อย่างหวังว่ามันจะแรงนะครับ แรงมันก็คงเหมือน รถมีครัช 125cc ทั่วไป
เพราะจุดเด่นของรถคันนี้
คือ
1. ลุยทางลำบากได้ดี ตัวรถน้ำหนักเบา คุมง่าย
2. ระบบช่วงล่าง นุ่มนวล แม้ซ้อน 2 ก็ยังรู้สึกดี แต่รถหน้าเชิดเลยจะให้ดีต้องเพิ่มความแข็งสปริง โดยปรับให้แข็งขึ้น
3. ระบบไม่ซับซ้อนการดูแลรักษาง่าย หมายถึงเรื่องที่ไม่ใช่ไฟฟ้านะครับ การแกะการถอดง่ายมาก อยู่ในตำแหน่งที่สามารถถอดเข้าออกได้เร็ว



หลังจากเอาลองไปขับเล่นในที่ไม่ถึงขนาดเข้าป่า วิบากมาก
แต่จะเน้น ทางชันหน่อย ถนนลูกรังบ้าง ก็ถือว่า รถประเภทนี้ เด่นจริงเรื่องช่วงล่าง ทำให้คนมีทักษะในการควบคุมรถไม่มาก สามารถไปในที่ ที่คนพื้นถิ่น อาจจะใช้แค่รถบ้าน ๆ ในทางสัญจรประจำที่ยาก ๆ ทำให้เราเข้าถึงพื้นที่นั้นได้ง่ายขึ้นครับ

ด้วยน้ำหนักรถ 113 kg ทำให้เวลาตกหลุม หรือร่องน้ำ กู้ขึ้นมาไม่ยากนัก
แต่ ของเดิมติดรถดันไม่มี เหล็กจับกันตก ทำให้ต้องหาซื้อมาใส่กันอีกเช่นเคย โดยรวมอุปกรณ์เพื่อใช้งานทางลุย ถ้าอยากลุย หรือให้สะดวกสบายจริง ๆ ต้องซื้ออีกหลายอย่าง เช่้น guardhand , กันใต้ท้องรถ ฯลฯ

วัสดุบนตัวรถออกแบบมาให้ สามารถให้ตัวได้เยอะหน่อย เช่น ไฟเลี้ยว หน้ากาก ไฟท้าย

ไฟหน้า ใช้หลอดเหมือนรถยนต์คือ h4 ให้แสงสว่างที่ดีมาก เกินตัวรถ
โคมรวมแสงขณะใช้เวลากลางคืนให้แสงที่เข้ม สว่างดีมากครับ

เรือนไมล์ ให้มาแบบ ไม่ต้องไปดูกันมาก เรียบมาก แทบไม่ต้องไปก้มดู
เลขเข็มความเร็วทีเดียว เล็กจริง ๆ คนสายตาไม่ดี คงลำบาก น่าจะออกแบบให้มีความชัดเจน หรือใหญ่กว่านี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ ดิจิตอล แต่ต้องมองชัดนะผมว่า

ในส่วนของเครื่องยนต์ คงเน้นการดูแลรักษาง่าย เพราะเป็นหม้อลม
ระบายความร้อนด้วยอากาศ ดู ๆ แล้วส่วนตัวเครื่องดูโปร่ง ๆ โล่ง ๆ

ด้วยถังน้ำมันความจุ 7 ลิตร
เท่าที่ผมลองขี่ไปได้ 222 km ไฟน้ำมันเตือนขึ้นมา
เข้าปั๊มเติมน้ำมันไป 4.99 ลิตร คิดเป็น 44.49 km/litre
การขับขี่ก็ ไปเที่ยวบนเขา ลูกรังบ้าง ในเมืองบ้าง ด้วยความเร็วประมาณ ไม่เกิน 90 km/h ถ้าอยากให้แน่นอนอาจจะต้องเฉลี่ยหลาย ๆ ถังครับ

ความเร็วปลายยังไม่ได้ซัดเค้นสุด ๆ แต่เท่าที่ลองเล่น ๆ 0-80 ขึ้นดี แต่ 80-90 ต้องรอหน่อยแต่ไม่นาน ที่ว่าไมล์ kawasaki แข็งน่าจะจริง เพราะคราวที่แล้วก็ลองเทียบกับ gps กับคัน ksr อ่อนไป 5% ซึ่งเจ้า klx125 ก็พอ ๆ กัน
ขี่ที่ความเร็วช่วง ๆ ต่าง ไมล์จะอ่อนจาก gps, 5% ซึ่งถ้าเป็นเจ้า mazda2 ของภรรยา นั่นแข็งโป๊ก เท่า gps เปะ ๆ เลย เท่าที่ทราบข้อมูลพอเปรียบเทียบกับมอไซด์คันอื่น
มี
honda pcx อ่อนประมาณ 5-6 %
honda airblade ประมาณ 10%
honda cbr150 ประมาณ 15%

ถ้าไม่นับความเร็ว อัตราเร่งในการเดินทางไกล ความแรง และระบบช่วงล่างปรับได้ละเอียดอย่างรุ่นพี่ klx250 หรือ dtx250
สิ่งทีเป็นจุดเด่นของรถตัวเล็กบาง ๆ จะว่าไปใหญ่ ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก
คือ
1. น้ำหนักเบากว่ารุ่นพี่ ยี่สิบกว่ากิโล
2. คนธรรมดาไม่สูงมากมีสิทธิขายันถึงพื้นได้ง่าย เวลาลุยขาถึงนี่ค่อนข้างมีประโยชน์ หรือตกหลุม
3. คล่องตัวกว่า
4. ดูเหมือนถ้าขับขี่ด้วยความเร็วไม่สูงนักประหยัดน้ำมันกว่า แต่ถ้าเรียกรอบสูง ๆ ปรี๊ด ๆ เห็นในเวบกินน้ำมันพอ ๆ กับรุ่นพี่
5. สำหรับ klx125 ให้ shock up ธรรมดามาก็จริง เป็นหัวตั้ง ในแง่การดูแลง่ายกว่า ซึ่งทาง kawa ก็ set up ไว้ค่อนข้างดีครับ

เกือบลืมอีกเรื่องครับ ระบบเบรค
เบรคหน้า เอาอยู่ การกดเบรคนิ่มนวลดีมากครับ ไม่กระด้าง เหมือน ksr หรือ airblade ให้ความรู้สึกดีกว่าจริง ๆ เบรคหน้าถือว่าเอาอยู่ครับไม่ทื่อ นิ่มนวล หยุดได้ หรือว่าถ้าเป็นรถวิบากเขาออกแบบการกดเบรคไว้แบบนี้

เบรคหลังกดให้ตายล้อก็ไม่ล็อค แค่ชะลอความเร็ว หรือเพราะเป็นรถวิบาก จึงต้องออกแบบไว้แบบนี้ อันนี้ท่านใดรู้ช่วยเสริมหน่อยนะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณนะครับผมกำลังอยากได้ตัวนี้พอดี ได้ข้ิ้อมูลเพิ่ยเยอะเลยครับอ

    ตอบลบ